วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สวนหินผางาม

สวนหินผางาม อ.หนองหิน จ.เลย

สวนหินผามีลักษณะ เป็นทางเดินลัดเลาะไปตามซอกหลืบในหินปูน ทางเดินภายในสวนหินมีความวกวนคล้ายเขาวงกต ระหว่าง ทางจะพบหินปูนรูปร่างแปลกตาเนื่องจากเกิดจากการทําละลายโดยน้ําฝน เช่น รูปร่างคล้ายหนามแหลม สะพานหินธรรมชาติ
...

หินบริเวณนี้ประกอบด้วยหินปูนสีเทา เทาอ่อน ถึงสีขาว แบบมวลเนื้อหินถึงขนาด ชั้นหนาของหมวดหินน้ํามโหฬารในเนื้อหินพบซากดึกดําบรรพ์ สัตว์ทะเลจํานวนมาก เช่น แบรคิโอพอด ฟูซูลินิด และพลับพลึงโบราณ เป็นต้น บ่งบอกถึงสภาพการสะสมตัวในทะเลเขตร้อน ในช่วงยุคเพอร์เมียน ตอนล่าง (ประมาณ 286-258 ล้านปีก่อน)

ตำแหน่ง http://goo.gl/maps/kdpoR
ข้อมูล กรมทรัพยากรธรณี

เครดิตภาพ มดเขียว via taklong.com
ดูเพิ่มเติม

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แผนที่ธรณีวิทยาของดวงจันทร์


แผนที่ธรณีวิทยาของดวงจันทร์ (1961) ได้จากการแปลความหมายจากภาพถ่ายดาวเทียม โดยมนุษย์คนแรกที่เหยียบบนดวงจันทร์ นิล อาร์มสตรอง ไปกับอพอลโล 11 ในปีค.ศ.1969

การทำแผนที่ธรณีวิทยาผ่านภาพถ่ายเรียกว่า Photogeologic Mapping โดยการดูภูมิประเทศของพื้น
ที่ และเปรียบเทียบการเกิดก่อน-หลังของลักษณะเด่น เช่น หลุมอุกกาบาต หรือรอยเลื่อน

ในแผนที่ฉบับแรกได้แบ่งลักษณะพื้นผิวดวงจันทร์ออกแบบสามกลุ่มใหญ่ คือ หินอายุแก่มาก (สีน้ำตาล) หินอายุอ่อนกว่า (สีเหลือง) และหินปัจจุบัน (สีเขียว)

ดาวน์โหลดแผนที่
http://www.lpi.usra.edu/resources/mapcatalog/ESS/I351A/

แบบฝึกหัดการทำแผนที่
http://solarsystem.nasa.gov/educ/docs/22.pdf

นักธรณีวิทยาคนสุดท้ายบนดวงจันทร์
http://geothai.net/gneiss/?p=1665

แผนที่โดย USGS

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Scale is matter!!


Scale is matter!! สัดส่วนใครคิดว่าไม่สำคัญ ภาพที่เห็นหากไม่ได้อ้างอิงถึงสัดส่วนของภาพอาจเกิดความเข้าใจผิด แก่คนรับสารได้ง่ายมาก

ภาพซ้าย เป็นภาพจากกล้องไมโครสโคป ของรอยแตก (crack) ในเหล็กที่เกิดจากการทดสอบโค้งงอ ซึงรอยแตกที่เห็นนี้มีความลึก
ในระดับไมโครเมตร

ภาพขวา เป็นภาพของ Red canyon in Eilat Mounatains , Israel ซึงเกิดจากกัดเซาะของทางน้ำ ในหินทรายสีแดง (red sandstone) ซึงความสูงจากระดับพื่นปกติสู่จุดตำสุดของเหว อาจลึกถึงหลายร้อยเมตรหรือระดับกิโลเมตร

มันใหญ่กว่ากันกี่เท่า ลองคำนวนกันดู

สุขสันต์วันอาทิตย์ครับ/ค่ะ

credit (R):http://www.colourbox.com/preview/1630573-858206-a-red-canyon-in-mountains-about-eilat-in-israel.jpg

credit (L): 2011 FEI Image Contest Winner - Microcrack after bending test Courtesy of Martina Dienstleder,http://gizmodo.com/5827131/2011-feis-electronic-microscope-image-contest-gallery

วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555

น้ำตกแสงจันทร์


น้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกรู ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี น้ำตกมีความสูงประมาณ 8 เมตร มีรูบริเวณชะง่อนผาที่ยื่นออกมา เป็นทางผ่านของน้ำตกสู่เบื้องล่าง มองดูคล้ายแสงจันทร์เต็มดวง

น้ำตกแสงจันทร์ ไหลผ่านหินทราย ของหมวดหินภูพาน ที่เกิด
จากการสะสมตัวของตะกอนในสภาพแวดล้อมแบบทางน้ำประสานสายและแบบทางน้ำโค้งตวัด ในสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนชื้น ในยุคครีเทเชียสตอนปลาย (~97-65 ล้านปี)

คลิปรายการท่องเทียว http://youtu.be/e6s4Z2lY1Ho

ฟรีโปสเตอร์ การโค้งตวัดของแม่น้ำ http://flic.kr/p/c4HHCo

Photo via w-t-g.blogspot.co.uk

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อีก 40 ปีข้างหน้า หรือในปีพ.ศ.2595


คาดการณ์ว่าในอีก 40 ปีข้างหน้า หรือในปีพ.ศ.2595 จะมีประชากรอาศัยอยู่บนโลกมากถึง 9,000 ล้านคน การเพิ่มขึ้นของประชากรโลกส่งผลให้ความต้องการด้านพลังงานมีสูงขึ้น สารคดี Earth 2050: The Future of Energy โดยบริษัท Shell จะพาท่านไปชมโลกอนาคต และความท้าทายในการแสวงหาพลังงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในทุกรูปแบบ

รับชมสารคดีจำลองโลกอนาคตได้ที่นี่http://geothai.net/gneiss/?p=1918

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

โลกร้อนขึ้นจริงหรือแค่เปลี่ยนแปลงตามวัฎจักร


สภาพอากาศแปรปรวน โลกร้อนขึ้นจริง หรือแค่เปลี่ยนแปลงตามวัฎจักร
Mthainews: ความแปรปรวน เปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สร้างปัญหาไปทั่วโลก เห็นได้จากภัยธรรมชาติในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบกับภัยธรรมชาติทั้งภัยแล้ง อากาศที่ร้อน เกิดพายุ ดินถล่ม  ภัยน้ำท่วม และน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งประชาชนต้องติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ ชาวกทม.ต่างก็บ่นกันระงมกับปัญหาฝนตก น้ำท่วม รถติด จนการจราจรเป็นอัมพาตเดินทางแสนลำบาก โดยร่องมรสุมยังคงมีกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่องถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2555  ที่มีฝนตกหนักใน กทม.มากกว่าเดิมถึง 10 เท่า จนไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน
ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศยังส่งผลต่อ บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก  มีการพยากรณ์จากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ว่า ช่วงนี้ (ปลายเดือน ก.ย. นี้ไปจนถึงต้นเดือน ต.ค.) หลายพื้นที่จะเกิดปรากฎการณ์เอลนีโญ  เกิดฝนตกชุกกว่าปกติ โดยปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีกำลังอ่อน จะก่อตัวมีกำลังแรงขึ้นในเดือน ก.ย. และต.ค.และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องกินเวลานานจนถึงสิ้นฤดูหนาวในซีกโลกเหนือ แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศเช่นนี้ทั่วโลก
สำหรับประเทศไทยก็คงหาทางรับมือต่อไป โดยจะสลับกันเกิดแต่ละภาคในแต่ละพื้นที่  นอกจากจะประสบกับปัญหาที่น้ำมากผิดปกติในช่วงฤดูฝนแล้ว ยังคงต้องเตรียมใจรับสภาพกับภัยแล้งเมื่อน้ำลด เพราะการบริหารจัดการน้ำที่ปล่อยน้ำทิ้งเกือบหมดเขื่อนนั้นอาจจะเกิดสภาวะภัยแล้ง
นายสมิทธ ธรรมสโรช
นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ปลายนี้ กับปีหน้าลมสุริยะจะรุนแรงขึ้น ตามที่ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรประจำองค์การนาซ่า ระบุว่าจะเกิดพายุสุริยที่กระทบต่อโลกรุนแรงกว่าทุกปี เป็นเรื่องที่่คนไทยควรหาความรู้รับมือด้วยตนเองดีกว่าพึ่งพามาตรการจาก รัฐบาล ภัยธรรมชาติเกิดรุนแรงขึ้นทุกด้าน…
ธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณอะไรถึงมนุษย์ เหตุใดจึงมีความแปรปรวนเช่นนี้ทุกๆปี
อย่างไรก็ตามหากจะมองเป็นเรื่องของธรรมชาติ ก็จะเห็นว่า ธรรมชาติกำลังส่งผลกระทบต่อมนุษย์ ทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมหาศาล เพราะธรรมชาติไม่เคยปราณี และเราก็ไม่สามารถคาดเดาได้ นายอาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิจัยร่วมในองค์การนาซา กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกจะละลายมากขึ้น ทำให้ก๊าซมีเทนผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 21 เท่า
ขณะเดียวกันก็มีนักวิทยาศาสตร์ที่มองว่า การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลกนั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติที่มักจะเกิดขึ้นพันล้านปีมาแล้ว โลกมีอุณหภูมิร้อนและเย็น สลับกันมาเป็นเวลานาน เป็นการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศตามวัฎจักร เและช่วงเวลาในปัจจุบันเป็นเพียงจุดเล็กๆของช่วงเวลาที่จะต้องรับสภาพ แก้ไขปัญหาเท่านั้นเอง ภาวะโลกร้อนขึ้นจึงเป็๋นเพียงวาทะกรรมที่โหมประโคมข่าวก่อนที่จะถึงวันสิ้นโลก
แต่ในช่วงปี 1880 เป็นต้นมา หากแสดงเป็นคลิปวีดิโอแผนภาพของอุณหภูมิทั่วโลกของนาซา ก็จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น นั่นเป็นผลของการใช้พลังงานและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ  เกิดก๊าซเรือนกระจก คลื่นความร้อนที่กำลังปกคลุมไปทั่วโลกช่วงศตวรรษที่ผ่านมากำลังเป็นสิ่งเตือนว่า โลกกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นไปตามวัฎจักร ก็จะมีสักวันสภาพอากาศจะลดลง

พายุดีเปรสชั่น 5-7 ตุลาคม



ภาพจาก ทีวีไทย
นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า สภาพอากาศโดยรวมของประเทศไทยในช่วงวันที่ 5-7 ตุลาคม จะได้รับอิทธิพลโดยตรงจากพายุดีเปรสชั่นกำลังแรงที่ก่อตัวในทะเลจีนใต้ เคลื่อนที่ผ่านประเทศเวียดนาม
ส่งผลให้ไทยในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในอัตราปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ยที่ 100 มิลลิเมตร ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเตรียมรับมือกับฝนที่กำลังจะตกหนักต่อจากนี้
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้น กรมอุตุฯได้ออกประกาศเตือน แจ้งข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ โดยให้รับฟังสถาณการณ์เพื่อให้สามารถเตรียมตัวได้ทัน
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า พายุดีเปรสชั่นดังกล่าวเป็นพายุลูกแรกที่เข้าไทยในปีนี้ และคาดว่าจะมีโอกาสเกิดพายุขึ้นได้อี 1-2 ลูกเท่านั้น ซึ่งฤดูฝนจะหมดลงในสิ้นเดือนนี้ และเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวต่อไป

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

10 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก




1.มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด : <?xml:namespace prefix = st1 />Harvard University : ประเทศสหรัฐอเมริกา<?xml:namespace prefix = o />
 
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนในเมืองแคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของโลกแห่งหนึ่ง และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2179  (ค.ศ.1636) มีอายุครบ 370 ปี ในปี พ.ศ. 2549 ฮาร์วาร์เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวี่ลีก โดยในปี พ.ศ.2551 มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา โดยนิตยสารยูเอส รวมถึงปี 2552 ที่ได้รับอันดับหนึ่งเช่นกัน

2. มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ : University of Cambridge : ประเทศอังกฤษ
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1209 เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับสองของสหราชอาณาจักร ที่ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีผู้ได้รับรางวัลโนเบลสูงที่สุด ในบรรดามหาวิทยาลัยทั้งหลายในโลก กล่าวคือ 81 รางวัล

3. มหาวิทยาลัยเยล : Yale University : ประเทศสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยเยลตั้งอยุ่ในรัฐคอนเน็คติกัต ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี ค.ศ.1701  มหาวิทยาลัยเยลเป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งในสมาชิกของ Ivy League (ไอวี่ ลีก*) และเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงที่เก่าแก่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกา สิ่งที่เป็นที่รู้จักเป็นพิเศษก็คือ สถาบันในส่วนของผุ้ที่กำลังศึกษาอยุ่ ได้แก่ วิทยาลัยเยล  และสถาบันนิติศาสตร์แห่งเยล ซึ่งทั้งสองแห่งได้ผลิตบุคลากรระดับแนวหน้ามาแล้วมากมาย อย่างเช่น ฮิลลารี คลินตัน เป็นต้น

4. มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน : University College London : ประเทศอังกฤษ
มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน หรือ UCL ก่อตั้งขึ้นในปี 1826 โดยที่นี่ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศอังกฤษ และจัดเป็นมหาวิทยาลัยท็อปไฟว์ของอังกฤษ ส่วนในการจัดอันดับของ THES-QS World University Rankings UCL ก็ได้อันดับที่ 4 ของโลกด้วยล่ะ

5. 1 มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน : Imperial College, University of Londo : ประเทศอังกฤษ
อิมพีเรียลคอลเลจแห่งลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมศาสตร์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษและทวีปยุโรป ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมนักวิจัยและผลงานวิจัยระดับโลกอีกมากมายนอกจากนี้ ที่นี่ยังติดอันดับ 1 ใน 3 ของ Times National University League ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์อีกด้วย

5.2 มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด : University of Oxford : ประเทศอังกฤษ
ตั้งอยุ่ในเมืองออกซฟอร์ด  สหราชอาณาจักรและเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ มีอายุไม่น้อยกว่า 800 ปี โดยประวัติการก่อตั้งไม่มีหลักฐานที่แน่นอน แต่มีหลักฐานว่าออกซฟอร์ดได้เริ่มสอนมาตั้งแต่ พ.ศ. 1639 (ค.ศ. 1096) และในปี พ.ศ. 1710  (ค.ศ. 1167) หลังจากที่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 ของอังกฤษ ทรงสั่งห้ามชาวอังกฤษไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยปารีสเหมือนที่ชาวอังกฤษนิยม นักศึกษาและนักวิชาการอังกฤษที่เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ในสมัยนั้น จึงพากันไปรวมตัวที่เมืองออกซฟอร์ด มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดจึงเกิดขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์และการสนับสนุนการเงินจากคหบดีต่างๆ ในปี พ.ศ.1710 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (อนึ่ง รัชกาลที่ 6 ทรงจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยนี้)

6. มหาวิทยาลัยชิคาโก : The University of Chicago : ประเทศสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยชิคาโก หรือที่เรียกโดยย่อว่า UC หรือ UofC ตั้งอยู่ในชุมชนไฮด์พาร์ก (Hyde Park) ซึ่งอยุ่ทางใต้ของใจกลางเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประมาณ 6 ไมล์ เป็นมหาวิทยาลัยเน้นการวิจัย (Research University) ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาและของโลก ในปี ค.ศ.1890 โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก จอห์น ดี. ร็อคกะเฟลเลอร์ (John D. Rockefeller) มหาเศรษฐีน้ำมันชาวอเมริกันส่วนที่ดินได้รับบริจาคจาก มาร์แชล ฟิลด์(Marshall Field) ผู้เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งเมืองชิคาโก เริ่มมีการเรียนการสอนเป็นครั้งแรกในวันที่ 2 ตุลาคม 1892 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมระหว่างการศีกษาแบบเสรี (Liberal Arts Education) ในระดับปริญญาตรี และการศึกษาวิจัยตามแนวเยอรมันในระดับบัณฑิตศีกษาโดยมีอธิการบดีคนแรกคือ วิลเลี่ยม เรนนี่ ฮาร์เปอร์ (William Rainey Harper)

7. มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน Princeton University : ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยุ่ที่เมืองพรินซ์ตันในมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2289 (ค.ศ.1746) เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับ 4 ของประเทศ โดยเมื่อก่อตั้งใช้ชื่อว่า วิทยาลัยนิวเจอร์ซีย์ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ในปี พ.ศ.2439 (ค.ศ.1896) หลังจากย้ายมาที่เมืองพรินซ์ตัน ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยพรินซ์ตันจะมีการเปิดสอนในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก แต่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันมาจากการศึกษาในระดับปริญญาตรี นอกจากนี้ยังคงได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีห้องสมุดใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก

8. สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ : Massachusetts Institute of Technology : ประเทศสหรัฐอเมริกา
 


สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) หรือ เอ็มไอที (MIT) เป็นสถาบันอุดมศึกษาในเมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้นำวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกแห่งหนึ่ง โดยเปิดสอนหลายสาขา ได้แก่ วิศวกรรมศาสตร์ การบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ ศิลปศาสตร์ และปรัชญา บุคคลจากเอ็มไอทีรวมถึงศิษย์เก่าและอาจารย์ของสถาบันได้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักการเมือง ผุ้บริหาร นักเขียน นักบินอวกาศ นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันบุคคลในเอ็มไอทีมี่ 63 คนได้รับรางวัลโนเบล มีสตาตาเซ็นเตอร์ที่ใช้เป็นอาคารเรียนและเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยวิทยาการคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ ออกแบบโดย แฟรงก์ เกรี

9. สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย : California Institute of Technology : ประเทศสหรัฐอเมริกา
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย หรือที่เรียกกันว่า Caltech ตั้งอยู่ที่ Pasadena, California สหรัฐอเมริกา ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยเล็กๆ เพราะมีนักศึกษาอยู่แค่เพียง 2,100 คนเท่านั้น  แต่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก โดยเฉพาะด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์

10. มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย : Columbia University : ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนของสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวี่* ตั้งอยู่ที่นิวยอร์คซิตี้ ในรัฐนิวยอร์คอยู่ในส่วนของชุมชนมอร์นิ่งไซด์ บริเวณส่วนเหนือของเกาะแมนฮัตตัน ก่อตั้งในปี พ.ศ.2297 (ค.ศ.1754) ในชื่อของ วิทยาลัยคิงส์ (Kings College)  โดยได้รับเงินสนับสนุนจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งอังกฤษ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของนครนิวยอร์ค และแห่งที่ 5 ในบรรดา 13 รัฐจักรวรรดิอังกฤษ ภายหลังสหรัฐอเมริกาทำการปฏิวัติโคลัมเบียได้รับการสนับสนุนในฐานะเอกลักษณ์ทางปรัชญาของรัฐตั้งแต่ปี 2327-2330

ไอวีลีก (Ivy League) เป็นชื่อของกลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชนเก่าแก่ 8 แห่งที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ การรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่ม “ไอวี” นี้สืบเนื่องมาจากข้อตกลงร่วมกันที่จะยึดหลักการในการเข้มงวดการสอบนักศึกษาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยว่าจะต้องถือเอาความเป็นเลิศทางวิชาการ รวมทั้งระดับความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางวิชาการของตัวบุคคลผู้สมัคร ซึ่งได้เริ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มไอวีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ไอวีคือเถาไม้เลื้อยที่นิยมปลูกเกาะคลุมผนังด้านนอกของตึกเรียนเก่าแก่ของมหาวิทยาลัย มีสีแดงในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกลุ่ม
มหาวิทยาลัยที่รวมตัวกันเป็นไอวีลีกนี้มีลักษณะร่วมที่คล้ายคลึงกันคือ มีความเป็นมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง มีผู้เลือกเข้าเรียนมากที่สุดในสหรัฐฯ และในโลก เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในลำดับต้นๆ ของการจัดอันดับทั้งในสหรัฐฯ และระดับโลก มีเงินกองทุนขนาดใหญ่มาก มีจำนวนนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่จำกัด เกือบทั้งหมดก่อตั้งก่อนการประกาศอิสรภาพของประเทศ (วันที่ 4 กรกฎาคมพ.ศ. 2319) มหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวีลีกมี 8 มหาวิทยาลัยเรียงตามลำดับอายุได้ดังนี้

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

ภาพถ่ายทางอากาศของเมืองเชียงใหม่


ภาพถ่ายทางอากาศของเมืองเชียงใหม่ ล่าสุด เมืองที่ผลิตนักธรณี จำนวนมากถึง 1 ใน 4 ของประเทศไทย

ทีมาภาพ
คุณ Seashell athttp://www.skyscrapercity.com/showthread.php?t=101602&page=1534
รูปภาพ : ภาพถ่ายทางอากาศของเมืองเชียงใหม่ ล่าสุด เมืองที่ผลิตนักธรณี จำนวนมากถึง 1 ใน 4 ของประเทศไทย 

ทีมาภาพ
คุณ Seashell at http://www.skyscrapercity.com/showthread.php?t=101602&page=1534

Urban Sprawl


Urban Sprawl คือ การขยายตัวของเมืองอย่างไม่เป็นระเบียบ ซึ่งกระบวนการที่เมืองขยายตัวออกไปสู่บริเวณโดยรอบนั้น เป็นผลเนื่องมาจากการขยายตัวของประชากร หรืออาจเป็นผลมาจากกระบวนการกลายเป็นชานเมือง (Suburbanization) ในหลายๆประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
กลุ่มประเทศด้อยพัฒนา กระบวนการขยายตัวของเมืองในลักษณะนี้จะเป็นไปโดยการปราศจากการวางแผน และไม่สามารถควบคุมได้ ผลกระทบของ Urban Sprawl ทำให้สูญเสียพื้นที่สีเขียวรอบๆเมือง และส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนของเมือง
Credit ภาพ: Bangkok Urban Sprawl จากhttp://www.southeastasia-images.com/

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

ถ่ายภาพใต้น้ำ


กูเกิ้ลแมพ (Google Maps) จับมือกับหน่วยงานสำรวจและถ่ายภาพใต้น้ำ พาคุณดำดิ่งใต้ผืนน้ำลงทะเลใสเก็บภาพป่าปะการัง เต่าทะเล ฝูงปลาและปลากระเบนราหู ตามเกาะแก่งต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ทั้งในออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และ ฮาวาย

ความคาดหวังในอนาคต นั
กธรณีวิทยาจะได้ดำลงไปดูแนวปะการัง ภูเขาไฟใต้น้ำ เทือกเขาและร่องลึกกลางมหาสมุทร โดยที่ไม่ต้องเปียกน้ำ

ในภาพเป็นตัวอย่างจากเกาะเฮรอน (Heron Island) ใกล้กับ พืดหินปะการังที่ยาวที่สุดในโลก เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ในออสเตรเลีย

ลิงค์ http://goo.gl/maps/sjVa2

คลิปประชาสัมพันธ์ http://youtu.be/7syWPIZt9B4

Photo credit: Google Map

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

Pentalofos

มุมเท (dip) มุมที่เกิดจากระนาบของโครงสร้างทางธรณีวิทยาตัดก้บระนาบแนวนอน ทิศทางของแนวเทจะตั้งฉากกับแนวระดับ

จากภาพ ชั้นหินทรายแป้งแทรกสลับกับหินทราย มีมุมเทไปทางด้านขวา
หน่วยหิน Pentalofos Formation, Oligo-Miocene, Mesohellenic Basin, Greece

เมื่อเข้าใจนิยามแล้ว จะเทกันมุมไหน ก็เลือกกันตามอัธยาศัย...
 — ที่ Pentalofos

รูปภาพ : มุมเท (dip) มุมที่เกิดจากระนาบของโครงสร้างทางธรณีวิทยาตัดก้บระนาบแนวนอน ทิศทางของแนวเทจะตั้งฉากกับแนวระดับ 

จากภาพ ชั้นหินทรายแป้งแทรกสลับกับหินทราย มีมุมเทไปทางด้านขวา
หน่วยหิน Pentalofos Formation, Oligo-Miocene, Mesohellenic Basin, Greece

เมื่อเข้าใจนิยามแล้ว จะเทกันมุมไหน ก็เลือกกันตามอัธยาศัย...

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

หินเชิร์ต (Cherts)


หินตะกอน วันนี้แนะนำ... หินเชิร์ต (Cherts)
หินชั้นเนื้อแน่น แข็ง เหนว ผิวด้านถึงวาวเกือบคล้ายแก้ว มีรอยแตกแบบก้นหอยหรือคล้ายเสี้ยนไม้ มักเป็นผลึกซ่อนรูปหรือจุดผลึก โดยมีควอตซ์ประสานกันอยู่ อาจมีซิลิกาอสัณฐาน(โอพอล)ปนอยู่ด้วย
บ้างครั้งมีสารม
ลทิน เช่น แคลไซต์ เหล็กออกไซด์ และซากสิ่งมีชีวิตอยู่ด้วย (เช่น radiolaria) มีสีต่างๆ ถ้าสีเข้มเรียกว่า หินเหล็กไฟ (flint) สีแดงเรียกว่าแจสเพอร์ (jasper) สีแดงคล้ายดินเผาเรียกว่า หินพอร์เซลลาไนต์ (porcellanite)
(พจนานุกรมศัพท์ธรณีวิทยา ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, 2544)
ข้อมูลเพิ่มเติม http://th.wikipedia.org/wiki/หินเชิร์ต

การแปรสภาพ
ชั้นหินเชิร์ตจากภาพ ถูกแรงบีบอัด ทำให้เกิดการคดโค้งของชั้นหินจากเดิมซึ่งวางตัวเป็นระนาบ การคดโค้งจากภาพเรียกว่า Recumbent Chevron Folds โดยมีระนาบแกนชั้นหินคดโค้งวางตัวเกือบขนานกับพื้น

ซากดึกดำบรรพ์
เมื่อนำหินจากภาพมา สกัดด้วยกรดกัดแก้ว และศึกษาภายใต้กล้องจุลทัศน์ จะพบซากบรรพชีวินขนาดเล็กที่เรียกว่า เรดิโอลาเรีย (Radiolaria) สายพันธ์ต่างๆกระจายตัวอยู่ ซึ่งสามารถนำมาศึกษาโครงสร้าง และเทียบเคียง บ่งบอกอายุทางธรณีวิทยาได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://kanchanapisek.or.th/kp6/New/sub/book/book.php?book=22&chap=8&page=t22-8-infodetail03.html
http://www.radiolaria.org/what_are_radiolarians.htm
http://www.em-consulte.com/en/article/162717

ภาพประกอบจาก ประเทศกรีซ โดย GeoThai.net